2 เหตุการณ์อาจทำให้เป็นหนี้แทนคนอื่น
การเป็นหนี้แทนคนอื่นหรือต้องกลายมาเป็นคนที่รับผิดชอบหนี้แทนคนอื่น โดยส่วนใหญ่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นจากความสงสารทำให้อยากช่วยเหลือ มักจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ชิดหรือคนที่เราไว้ใจ แต่อย่างที่บอกว่าเรื่องเงินทองไม่เข้าใครออกใครต่อให้สนิทกันแค่ไหนปัญหาก็เกิดขึ้นได้ มาดูกันว่าสถานการณ์ใดบ้างที่จะทำให้เราเป็นหนี้แทนคนอื่น
1.การกู้เงินแทนคนอื่น/กู้เงินให้คนอื่นยืมต่อ เหตุการณ์เหล่านี้มักมาในรูปแบบของคนใกล้ชิด เช่น ญาติ พี่ น้อง หรือ เพื่อน ซึ่งด้วยความสงสารและเห็นว่าเป็นคนใกล้ชิดและสนิทกันจึงยอมตกลง เช่น ญาติมาขอให้ช่วยกู้เงินเพื่อลงไปลงทุนแทน เนื่องจากญาติไปกู้มาแล้วแต่ไม่ผ่าน จึงให้เราไปช่วยกู้แทน และสัญญาไว้ว่าจะผ่อนชำระค่างวดให้ทุกงวด ในช่วงแรกอาจจะมีการชำระค่างวดให้จริงๆ แต่ภายหลังมีเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถจ่ายคืนค่างวดให้เราได้ ซึ่งเราอาจจะทราบอีกทีตอนมีหนังสือแจ้งหนี้มาถึงบ้าน และกำลังจะโดนฟ้องแล้ว นี่ก็จะกลายเป็นว่าเราเดือดร้อน
2.การนำบัตรเครดิต / บัตรกดเงินสดไปให้คนอื่นใช้ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ เพื่อนขอให้กดเงินสดจากบัตรมาเพื่อหมุนเวียนในธุรกิจ 100,000 บาท และจะชำระคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้เป็นงวดๆ ภายหลังและไม่โกงแน่นอน ตนไม่มีที่พึ่งและไม่รู้จะไปขอให้ใครช่วยแล้ว ด้วยความสงสารและเห็นว่าสนิทกันมานาจึงให้บัตรไปกดเอง ภายหลังธุรกิจกลับไม่ดีและไม่สามารถใช้เงินคืนได้ ทำให้โดนทวงจากเจ้าหนี้และได้ทราบว่าเพื่อนได้ไปกดเงินสดออกมาอีกหลังจากที่จ่ายเงินไปแล้ว กลายเป็นว่าหนี้นั้นไม่ลดลงเลย สุดท้ายกลายเป็นต้องมารับผิดชอบหนี้แทนเพื่อนเสียเอง
คนที่มาขอให้ช่วยส่วนใหญ่มักเป็นคนที่ไปกู้มาเองแล้วแต่ไม่ผ่าน ซึ่งหากพิจารณาจากในส่วนนี้ก็พอจะทราบแล้วว่าคนที่มายืมก็อาจไม่มีความสามารถในการผ่อนคืนเราได้เช่นกัน ดังนั้นหากมีความจำเป็นที่จะต้องให้ใครยืมเงินจริงๆ ลองสอบถามว่าได้มีการไปลองกู้มาหรือยัง หรือไม่เช่นนั้นอาจมีการทำสัญญาเงินกู้กับคนที่ขอให้ช่วยเพื่อเป็นการป้องกันไว้ ซึ่งคนที่ไม่ชำระคืนอาจไม่ได้มาจากการตั้งใจ แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถชำระคืนได้จริงๆ แต่คนที่แบกรับความเสี่ยงที่จะต้องมารับหนี้แทนและมีประวัติทางการเงินที่ไม่ดีก็เป็นเราเอง
ที่มา : https://www.1213.or.th/th/Pages/finresilience/beforeyouhelpothers.aspx